หน้าแรก / Lifestyle / เมื่อรู้สึกเหนื่อยใจควรรับมืออย่างไร

เมื่อรู้สึกเหนื่อยใจควรรับมืออย่างไร

By NobTa 10 ต.ค. 2568 6

     

   

เมื่อรู้สึกเหนื่อยใจควรรับมืออย่างไร

ในสภาวะสังคมที่เร่งรีบและตึงเครียดทุกวันนี้ บางคนไม่รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหาด้านอารมณ์ ลองสำรวจตัวเองดูบ้างว่ากำลังตกอยู่ในอาการเหนื่อยกาย
เหนื่อยใจ หมดพลังหรือไม่ โดยดูจากความรู้สึก 4 สัญญาณนี้ ได้แก่

         

1️⃣ รู้สึกเหมือนติดหล่มหรือติดอยู่ในกับดัก

ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ในชีวิตหรือในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ไม่ว่าจะเรื่องงาน ความสัมพันธ์ หรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ดูเหมือนจะหาทางออกที่ลงตัวด้วยตัวเองไม่ได้เนื่องจากหมดพลัง และไร้ซึ่งแรงจุงใจในการแก้ปัญหา ทำให้ยอมจำนน และก้มหน้าอยู่กับความคับข้องใจนั้นต่อไป ผลที่ตามมาคือการพัฒนาไปสู่อารมณ์ซึมเศร้า โกรธ หงุดหงิดและแสดงออกทางกาย เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เป็นต้น

🔖 ทางแก้คือ

มองหาความช่วยเหลือจากเพื่อนพ้องน้องพี่ คนในครอบครัว หรือมืออาชีพ เช่น จิตแพทย์ นักบำบัด นักจิตเวช และอื่นๆ จะทำให้รู้สึกว่ามีคนแบ่งปันความทุกข์ ไม่ได้แบกไว้คนเดียว นอกจากนั้น การพูดคุยหรือหารือกับคนอื่นอาจทำให้มองเห็นทางออกที่เหมือนเส้นผมบังภูเขา

             

2️⃣ ขาดแรงจูงใจในการทำทุกอย่าง

ความเครียดที่ทับถมทำให้เบื่อหน่ายกระทั่งกิจกรรมที่เคยชอบ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็เหมือนแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟไม่เข้า แบบนี้มักส่งผลกระทบต่อการทำงาน ส่วนอาการทางกายก็เหมือนในข้อแรก ง่วงเหงาหาวนอนตลอด 

🔖 ทางแก้คือ

การเรียกพลังกลับคืนมาให้ได้ โดยการหาสาเหตุที่ทำให้ขาดแรงจูงใจอาจเป็นเพราะเรากดดันตัวเองมากไปหรือเปล่า หรือตั้งเป้าหมายอะไรไว้สูงเกินไปแล้วเกิดอาการท้อเสียก่อน หรือเป็นคนประเภท People Pleaser ที่พยายามเอาใจทุกคนจนฝืนตัวเอง หาต้นเหตุให้เจอแล้วปรับเปลี่ยนแก้ไขอาจทำให้รู้สึกดีขึ้น

           

3️⃣ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้

มักระเบิดความโกรธ หรือความไม่พอใจออกมา อาจเป็นเพราะอารมณ์ที่สะสมเต็มตื้นจนเหนื่อยที่จะเก็บไว้ จึงเกิดความรู้สึกไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม และแสดงออกมาแบบไม่แคร์ อารมณ์ของคนก็เหมือนภูเขาไฟที่สะสมความกรุ่นไว้จนเมื่อไม่ไหวก็พุ่งลาวาออกมา 

🔖 ทางแก้คือ

ให้สูดลมหายใจลึก ๆ จะทำให้ผ่อนคลายขึ้น “หายใจช้า…แต่มีสติ” เรียกว่า “Breathing Reset Technique” หรือการรีเซ็ตสมองผ่านลมหายใจ
ให้ทำแบบนี้ทุกครั้งที่รู้สึกเริ่มร้อนในอก ในระหว่างนี้ ให้เรารู้สึก “ถึงลมหายใจ” จริง ๆ — ไม่ใช่แค่ทำไปงั้นๆ การหายใจแบบนี้จะส่งสัญญาณไปที่สมองว่า “ปลอดภัยแล้ว” หัวใจจะช้าลง ความดันลดลง และสมองส่วนเหตุผลจะกลับมาควบคุมได้อีกครั้ง 🫶

           

4️⃣ อ่อนล้าและนอนไม่หลับหรือหลับยาก

แน่นอนว่าเวลาเหนื่อยกายอาจทำให้หลับง่าย แต่ไม่ใช่กับอาการเหนื่อยใจ เพราะสมองทำงานอยู่ตลอด หมกมุ่นกับปัญหาจนเกิดความเครียด และทำให้ข่มตาลงยาก เนื่องจากร่างกายกับจิตใจเชื่อมโยงกัน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพองค์รวม การไม่ได้พักเต็มที่ จึงส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ 

🔖 ทางแก้คือ

การสร้างบรรยากาศในการนอน เข้านอนเป็นเวลา งดทำกิจกรรม เช่น วางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับงาน เล่นโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ภาระอะไรที่ทำค้างไว้ให้หยุดแล้วค่อยเริ่มในวันใหม่ ไม่เช่นนั้นสมองก็จะตื่นตลอดเวลา อาจใช้ตัวช่วย เช่น กลิ่นบำบัดจำพวกนำมันหอมระเหยเพื่อให้สงบผ่อนคลาย และหลับง่ายขึ้น

(5.0)
NobTa

NobTa

บทความที่คล้ายกัน